สำหรับแนวคิดการออกแบบ ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก
“Absolute Confidence”
เพื่อสร้างมาตรฐานยนตรกรรมพรีเมียมซีดานให้เหนือระดับไปอีกขั้น โดยมีพื้นฐานการพัฒนา ประกอบด้วยหลัก 3 ประการ ได้แก่
1) Dynamics – ความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่
2) Captivating – ความมีเสน่ห์และน่าดึงดูดของรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
3) Upscale – ยกระดับคุณภาพการพัฒนายนตรกรรม ให้สง่างามและเหนือระดับเกินคลาส
การออกแบบภายนอก ของ Honda Accord 2019
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 เรียกได้ว่าพลิกโฉมจากรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูหรูหราสง่างามแต่มีความสปอร์ต และเป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง
การออกแบบภายใน ของ Honda Accord 2019
ห้องโดยสารของ Honda Accord 2019 เข้าไปนั่งแล้วรู้สึกได้เลยว่ากว้างขวาง โอ่โถง แม้จะมีดีไซน์ที่ลาดลงแบบสปอร์ตก็ตาม เพราะฮอนด้ใช้โครงสร้างเส้นแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น ลองดูแล้ว ผู้ที่นั่งเบาะหลังก็มีที่วางขาที่กว้างมาก นั่งสบายเช่นกัน เหมาะสำหรับผู้บริหารที่มีคนขับรถให้นั่งหลังสบายๆ และยังมีฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เช่นระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head Up Display : HUD) ลองดูแล้ว ก็ไม่รบกวนลูกตาเวลาขับขี่นะคะ ข้อมูลที่ขึ้นก็ขึ้นเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น ซึ่งก็สามารถเลือก เปิด หรือ ปิด ได้หากไม่ต้องการใช้ และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น
เราได้ทดลองกัน 2 รุ่นด้วยกัน ก็คือแบบ 1.5 Turbo ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO เครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ มาพร้อมระบบระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ซึ่งมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ใน ฮอนด้า แอคคอร์ดรุ่นเดิม และยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับพลังงานทางเลือก E85 เมื่อทดลองขับดูแล้ว ก็พบว่า แรงดีทีเดียวค่ะ แต่เนื่องจากสถานที่ที่เราได้ทดลองขับกันนั้น มี speed limit (จำกัดความเร็ว) อยู่ที่เพียง 45 miles/hour ซึ่งก็คือราวๆ 72 กม/ชม เท่านั้น และเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรของอเมริกาอย่างเคร่งครัด จึงยังตอบไม่ได้แน่ชัดนักสำหรับสมรรถนะเมื่อขับเร็วๆ
ส่วนอีกรุ่นที่เราได้ทดลองขับกัน ก็เป็นรุ่น 2.0 Hybrid ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ ซึ่งเมื่อลองขับ ก็พบว่า ในตอนรถออกตัวหรือช่วงรอบต่ำๆ ตัวนี้ก็แรงดีทีเดียว
มาถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัย Honda Accord 2019 นี้ก็มาพร้อมระบบ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) ที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน (ซึ่งรุ่นที่จะจำหน่ายในไทย ก็จะมีด้วยเช่นกัน แถมยังมีฟีเจอร์ที่มากกว่าของสหรัฐอเมริกาด้วย) เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถรวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนในทุกการเดินทาง ได้แก่
– ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
– ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ซึ่งเอิ้นก็ได้ลองดูแล้ว ระบบนี้ work จริง
